การพัฒนาโรงงานและชุมชนสีเขียว
ในการดำเนินธุรกิจที่ต้องใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ ทั้งแหล่งพลังงานและน้ำ รวมถึงทรัพยากรมนุษย์นั้น บริษัทให้ความสำคัญกับดูแลและการจัดการทรัพยากรทั้งหมดอย่างมีคุณค่า ในเสาหลักกลยุทธ์ “การพัฒนาโรงงานและชุมชนสีเขียว” ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมให้เกิดน้อยที่สุด และการดูแลคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของพนักงานและคู่ค้า โดยใช้ระบบธุรกิจไทยวาเป็นระบบในการจัดการกิจกรรมต่างๆ ในโรงงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานทั้งหมด ตั้งแต่การจัดการขั้นตอนการทำงาน การใช้พลังงาน เพิ่มการใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ และพลังงานจากก๊าซชีวภาพ เป็นต้น การนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ และการเพิ่มมูลค่าให้กับของเสีย การนำนวัตกรรมการจัดการน้ำและการบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพมาใช้ ลดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
ไทยวา มีพันธกิจในการทำให้ทุกขั้นตอนการผลิต มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งในด้านการใช้บุคคลากร และการใช้ทรัพยากรต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ บริษัท จึงสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความสำคัญของความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และความเชื่อมโยงระหว่างความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมกับความสำเร็จของธุรกิจ โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงระบบโรงงาน ด้วยเหตุนี้บริษัท จึงได้พัฒนา "ระบบธุรกิจไทยวา" (Thai Wah Business System หรือ TBS) ที่มีหลักการของ LEAN เป็นต้นแบบ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุง การดำเนินงานทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง ให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินงานและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วม และให้แน่ใจว่าพวกเขามุ่งเน้นไปที่เป้าหมายร่วมกันนี้
ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมการทำงาน
สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะเป็นสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานสำหรับพนักงานและคู่ค้าของบริษัท ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นี้ บริษัท ได้ใช้กฎระเบียบด้าน ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมการทำงาน (Safety, Occupational Health, and Working Environment หรือ SHE) ที่เข้มงวด และตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกคนที่เข้ามาในบริเวณโรงงานเข้าใจถึงความสำคัญด้านความปลอดภัย และปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้บริษัท ยังยึดมั่นปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความปลอดภัยทั้งหมดอย่างเคร่งครัด เช่น มอก. 18001, ISO 45001, และ ISO 14001 เป็นต้น การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ทำให้บริษัท สามารถรับประกันสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะสำหรับพนักงานและคู่ค้าได้
ผลการดำเนินงานปี 2566 | เป้าหมาย |
---|---|
อัตราความถี่ของการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงาน (LTIFR) 5.3 อัตราความรุนแรงของการบาดเจ็บ (ISR) 48.9 อัตราการเสียชีวิต (FR) 0 ราย |
อุบัติเหตุโดยรวมและอุบัติเหตุขั้นหยุดงานลดลง 50% เมื่อเทียบกับปี 2566 และอุบัติเหตุเป็นศูนย์ภายในปี 2568 อัตราการเสียชีวิต เป็น 0 |
การเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดการใช้พลังงานที่มาจากแหล่งฟอสซิล มีวัตถุประสงค์เพื่อรับมือและเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการสภาวะโลกรวนหรือสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ไทยวา ตั้งเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี ค.ศ. 2050 หรือปี พ.ศ. 2593 ไทยวามีการบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านกลยุทธ์ 3T ดังนี้
- Traceability: การระบุแหล่งที่มาและปริมาณของก๊าซเรือนกระจกทั้งขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 อย่างต่อเนื่อง
- Transition: การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากแหล่งที่มาที่สามารถควบคุมได้ เช่น การใช้พลังงาน การปรับปรุงระบบการผลิตในโรงงาน และการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต
- Transformation: การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและวัฒนธรรมทั้งภายในและภายนอกของไทยวา เช่น การผสานการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเข้าสู่กลยุทธ์หลัก และความต้องการของลูกค้าเกี่ยวกับการดำเนินงานและเป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัท
การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (tCO2e) | 2564 | 2565 | 2566 | เป้าหมาย 2567 |
---|---|---|---|---|
ปริมาณก๊าซเรือนกระจก ขอบเขต 1 และ 2 (ton CO2e)* | 89,127 | 58,960 | 58,297 | 55,382 |
*ปริมาณก๊าซเรือนกระจกของโรงงานสาขาบางเลน สาขาแม่สอด สาขาท่าคันโท สาขาพิมาย และบริษัทในเครือ คือ บริษัท ไทยนำมันสำปะหลัง จำกัด และบริษัท สำปะหลังพัฒนา จำกัด โดยข้อมูลยังไม่ได้รับการทวนสอบโดยผู้ทวนสอบจากภายนอก บริษัทมีแผนจะทวนสอบข้อมูลภายในปี 2567
ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินกิจกรรมและโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การใช้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ และจากก๊าซชีวภาพ การปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตเพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงระบบการบำบัดน้ำเสีย ทำให้บริษัทสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 30,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือคิดเป็นประมาณ 30% จากปี 2564 นอกจากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 แล้ว ไทยวา ยังค้นคว้านวัตกรรมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่อง
ไทยวา ใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านพลังงานยั่งยืน การเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานแสงอาทิตย์โดยปัจจุบันมีกำลังผลิตอยู่ที่ 2.43 MW ติดตั้งที่โรงงานอาหาร ที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม นอกจากจะเป็นการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนแล้ว ยังเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอีกด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งของการประหยัดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากพลังงานหมุนเวียนนี้ ไทยวา มอบให้กับกองทุนพลังงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อนำไปพัฒนา สนับสนุนและจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมชุมชนและสังคมในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงงาน
การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ | 2562 | 2563 | 2564 | 2565 | 2566 |
---|---|---|---|---|---|
ไฟฟ้าที่ผลิตด้วยแผงโซลาร์ (เมกะวัตต์ชั่วโมง) | 589 | 1,405 | 1,406 | 2,769 | 2,796 |
ค่าไฟที่ประหยัดได้ (ล้านบาท) | 2 | 5 | 5 | 11 | 12 |
ไทยวา จัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบโดยดำเนินการผลิตไฟฟ้าจากน้ำเสียและของเสียจากการผลิต ซึ่งทำให้เกิดเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญของบริษัท โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงงานไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท ไทยนำมันสำปะหลัง จำกัด และโรงงานสาขาท่าคันโท
โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ | 2562 | 2563 | 2564 | 2565 | 2566 |
---|---|---|---|---|---|
ไฟฟ้าที่ผลิตด้วยโรงไฟฟ้าชีวภาพ (เมกะวัตต์ชั่วโมง) | 20,137 | 37,376 | 31,571 | 27,012 | 25,672 |
ค่าไฟที่ประหยัดได้ (ล้านบาท) | 60 | 150 | 112 | 94 | 96 |
ไทยวา มุ่งลดของเสียและใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยดำเนินการตามเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้วัตถุดิบและทรัพยากรที่มีอยู่ ในขณะที่ลดของเสียลงให้เหลือน้อยที่สุดตลอดขั้นตอนการผลิต บริษัทได้นำของเสียกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์ และเพิ่มคุณค่าให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น
- การนำก๊าซชีวภาพที่ได้จากน้ำเสียและกากมันสำปะหลังมาใช้สำหรับผลิตพลังงานความร้อนและกระแสไฟฟ้า โดยกากมันสำปะหลังกว่า 7,000 ตันถูกนำมาใช้ในการผลิตไบโอแก๊สในปีที่ผ่านมา
- การนำกากมันสำปะหลังมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตอาหารสัตว์ ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้นำกากเปียกที่เป็นของเสียจากการผลิตมาทำเป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ปริมาณกว่า 300 ตัน
- การนำกากมันสำปะหลังมาผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อใช้ในแปลงทดลองของบริษัท และแจกจ่ายให้กับเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียง
บริษัทบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน โดยมีการวิเคราะห์กระบวนการผลิตทั้งหมดที่มีการใช้น้ำ และปรับปรุงขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อลดปริมาณการใช้น้ำ สำหรับการดึงน้ำมาใช้นั้น บริษัทมีเป้าหมายลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตในโรงงานแป้งอย่างน้อย 5% และโรงงานอาหารอย่างน้อย 3% ทุกปี โดยมีการตรวจสอบและดูแลรักษาเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอ ให้อยู่ในสภาพที่สามารถใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การลดการใช้น้ำ: ประเมินปริมาณน้ำจากแหล่งน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อวางแผนน้ำที่จะใช้ในกระบวนการผลิต และประเมินแนวทางการใช้น้ำตลอดกระบวนการผลิต เพื่อลดการใช้น้ำในแต่ละขั้นตอน ด้วยการบูรณาการนวัตกรรมและดูแลปรับปรุงเครื่องจักร
- การใช้น้ำหมุนเวียน: นำน้ำที่ผ่านกระบวนการผลิตแล้วมาใช้ซ้ำในขั้นตอนล้างหัวมันขั้นแรก โดยน้ำหมุนเวียนผ่านการบำบัดกากตะกอนน้ำเสียเรียบร้อยแล้ว
- การจัดการน้ำเสีย: น้ำเสียที่ผ่านกระบวนการผลิตทั้งหมด ผ่านการบำบัดด้วยระบบเติมอากาศแล้วทำการผันให้กับเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงนำไปใช้ในการกิจกรรมการเกษตร